ชื่อไทย กดหิน แขยงหิน
ชื่อสามัญ SIAMESE ROCK CATFISH
ชื่อวิทยาศาสตร์ Leiocassis siamensis
ถิ่นอาศัย อยู่ตามลำธาร เช่น บริเวณปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำวัง จังหวัดลำปาง แม่น้ำแม่กลอง จังหวัดราชบุรี ฯลฯ
ลักษณะทั่วไป ลำตัวค่อนข้างยาว ไม่มีเกล็ด หัวแบนราบลงเล็กน้อย ตามีผิวหนังใสปิดคลุม มีฟันซี่แหลมเล็กๆ อยู่บนขากรรไกร และเพดานปาก มีหนวด 4 คู่ มีรูจมูกข้างละหนึ่งคู่ แต่ละคู่อยู่ห่างจากกัน ครีบหลังและครีบหูมีหนามแหลม ลำตัวมีพื้นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีแถบดำหรือน้ำตาลเข้มพาดขวางลำตัว แถบที่ว่านี้จะมีขนาดโตกว่าช่วงสีพื้นของลำตัว ขนาดและที่ตั้งของแถบเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดและอายุของปลา
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินลูกปลา ลูกกุ้ง และสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
ชื่อไทย กดเหลือง
ชื่อสามัญ YELLOW MYSTUS , GREEN CATFISH
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hemibagrus nemurus
ถิ่นอาศัย เดิมอาศัยอยู่ในทะเล แต่ได้เข้ามาผสมพันธุ์และวางไข่ในน้ำจืดแล้วไม่กลับสู่ทะเลอีกเลย พบแพร่กระจายอยู่ทั่วทุกภาค
ลักษณะทั่วไป ลำตัวยาว แบนข้างเล็กน้อยทางส่วนหาง หัวค่อนข้างแบนลง ตาไม่มีหนังปกคลุม มีหนวด 4 คู่ ที่จมูก ริมฝีปากบน ริมฝีปากล่าง และใต้คาง หนวดที่ริมฝีปากบนยาวถึงครีบก้น หนวดที่จมูกสั้น ยาวจรดนัยน์ตา ครีบหลังมีหนามแหลมคม 1 อัน ครีบหูมีหนามแหลมเช่นเดียวกับครีบหลัง ครีบไขมันมีขนาดใหญ่และยาว สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง ด้านหลัง สีน้ำตาลปนเขียว ท้องสีเหลืองอ่อน
การสืบพันธุ์ ฤดูกาลวางไข่แตกต่างกันไปตามสภาพและที่ตั้งของพื้นที่ เพาะพันธุ์โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ ฉีดแม่ปลาเข็มแรกในอัตรา 5 - 7 ไมโครกรัมและยาเสริมฤทธิ์ 5 มิลลิกรัมต่อแม่ปลาน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 6 ชั่วโมง ในอัตรา 15 - 20 ไมโครกรัมและยาเสริมฤทธิ์ 5 มิลลิกรัม ส่วนปลาเพศผู้อาจไม่จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมนกระตุ้นก็ได้ แม่ปลาพร้อมที่จะรีดไข่ผสมน้ำเชื้อหลังการฉีดยาเข็มที่ 2 ประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง ก็สามารถผสมเทียมได้ แล้วนำไข่ไปโรยบนมุ้งไนล่อนสีฟ้า ไข่เป็นไข่จมและติดกับวัตถุ (adhesive egg) ไข่จะฟักเป็นตัวในเวลา 27 - 30 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิน้ำ 26 - 27 องศาเซลเซียส
อาหารธรรมชาติ กินปลา ลูกกุ้ง แมลงน้ำ และสัตว์น้ำขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นปลาเศรษฐกิจที่ใช้บริโภคทั้งสดและแห้ง
ชื่อไทย กระดี่นาง
ชื่อสามัญ MOONLIGHT GOURAMI
ชื่อวิทยาศาสตร์ Trichogaster microlepis
ถิ่นอาศัย มีอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำ หนองบึง ลำห้วย ซึ่งมีพืชพันธุ์ไม้น้ำหนาแน่น
ลักษณะทั่วไป รูปร่างเป็นรูปไข่ ส่วนท้ายเรียว ลำตัวแบนข้างมาก ส่วนหลังยกสูงเล็กน้อย ครีบอกเล็ก ครีบท้องเป็นเส้นยาว ครีบหางเว้าตื้น เกล็ดบาง เล็กละเอียด ขอบเกล็ดเป็นจักรเช่นเดียวกับเกล็ดปลาหมอ ตัวมีสีเทาหรือเงินวาวอมฟ้า ครีบสีจางใส มีขอบสีเหลืองอ่อนเรื่อ ๆ เพศผู้จะมีสีแสดส้มตรงบริเวณท้อง มีนิสัยสงบเสงี่ยม เลี้ยงรวมกับปลาอื่นได้ดี แต่ในฤดูผสมพันธุ์ปลาตัวผู้จะมีนิสัยกีดกันระรานปลาอื่น ความยาวประมาณ 7 - 10 ซม .
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) กินแมลงและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
ชื่อไทย กระดี่หม้อ สลาก สลาง
ชื่อสามัญ THREE-SPOT GOURAMI
ชื่อวิทยาศาสตร์ Trichogaster trichopterus
ถิ่นอาศัย อยู่ตามลำธาร คลอง หนอง บึงและบ่อที่มีวัชพืชปกคลุม เพื่อใช้เป็นแหล่งอาศัยขยายพันธุ์และหลบหลีกจากศัตรู สามารถอยู่ในแหล่งน้ำที่เป็นกรดหรือใกล้เสียได้ ทำรังวางไข่โดยก่อหวอดปนกับเศษหญ้า ตัวผู้เป็นผู้ดูแลไข่
ลักษณะทั่วไป มีปริมาณชุกชุมกว่าปลาชนิดอื่นในจำพวกเดียวกัน รูปร่างป้อมกว่ากระดี่นาง ส่วนท้ายไม่เรียวเล็ก หัวเล็ก ตาเล็ก และปากเล็กอยู่ปลายสุดของจะงอยปาก ลำตัวแบนข้างมาก ส่วนหลังยกสูงเล็กน้อย ครีบอกเล็ก ครีบท้องเป็นเส้นยาว ครีบหางเว้าตื้นปลายมน ลำตัวสีขาวเงินเทาอมฟ้า มีริ้วดำพาดขวางเป็นทางประตลอดลำตัว ลักษณะพิเศษคือมีจุดดำที่กลางลำตัวและตรงบริเวณคอดหางแห่งละจุด ครีบก้นมีจุดประสีส้มหรือเหลืองและขอบสีเหลือง ครีบอื่นใส ครีบหางใสมีประสีคล้ำ ความยาวประมาณ 8 - 10 ซม .
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินตะไคร่น้ำ แมลง และสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามกันแพร่หลาย และเป็นปลาเศรษฐกิจ
ชื่อไทย กะทิงดำ หลาด
ชื่อสามัญ ARMED SPINY EEL
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mastacembelus armatus
ถิ่นอาศัย ในแม่น้ำ หนองบึงและอ่างเก็บน้ำทั่วทุกภาค
ลักษณะทั่วไป ลำตัวเรียวยาว แบนข้างเล็กน้อย มีเกล็ดเล็กละเอียดบนลำตัวและหัว หัวมีลายตั้งแต่ปลายจะงอยปากคาดมาที่ตาถึงช่องเปิดเหงือก ตาเล็ก ครีบอกใหญ่ ปากเล็ก ฟันซี่เล็ก ลักษณะของจะงอยปากยาวดูคล้ายงวง ช่องเหงือกแคบเล็ก อยู่ค่อนไปทางตอนใต้ของส่วนหัว ครีบหลัง ครีบหางและครีบก้นเชื่อมติดกัน ด้านหลังมีก้านครีบแข็งสั้นหลายอัน ไม่มีครีบท้อง ตัวมีสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีคล้ำเป็นวงหรือเป็นเส้น มีลวดลายหลายแบบ ด้านท้องสีจาง ครีบมีสีคล้ำมีจุดประสีเหลืองอ่อน ความยาวทั่วไปประมาณ 30 - 50 ซม .
การสืบพันธุ์ ผสมพันธุ์วางไข่ตอนเช้ามืด ไข่เป็นแบบจมติดกับสาหร่ายสีเหลืองเข้ม
อาหารธรรมชาติ กินแมลง ลูกกุ้ง ลูกกบและปลาอื่น ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
ชื่อไทย กะทิงไฟ กะทิงลายดอกไม้
ชื่อสามัญ FIRE SPINY EEL
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mastacembelus erythrotaenia
ถิ่นอาศัย มีอยู่ในบริเวณน้ำจืดและน้ำกร่อย ในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ทางภาคใต้ที่ทะเลน้อย ( ทะเลสาบสงขลาตอนใน ) แม่น้ำตาปี ชาวใต้เรียกชื่อปลานี้ว่าปลากะทิงลายดอกไม้
ลักษณะทั่วไป เป็นปลาที่อยู่สกุลเดียวกับปลากะทิงดำ แตกต่างกันที่สีของลำตัว กะทิงไฟมีสีน้ำตาลหรือดำมีแต้มและแถบสีแดงขนาดใหญ่และเล็กเรียงแถวตามความยาวลำตัว ครีบหูมีสีดำขอบแดง ลักษณะทางอนุกรมวิธานที่แตกต่างจากกระทิงชนิดอื่นคือกะทิงไฟไม่มีกระดูกที่เป็นหนามแหลมอยู่บริเวณหน้านัยน์ตา กะทิงไฟที่พบในภาคกลาง จะมีสีแดงสดใสกว่าแหล่งน้ำอื่น
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินแมลง ลูกกุ้ง ลูกกบและปลาอื่น ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นปลาสวยงาม ที่นิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย
ชื่อไทย กะทุงเหว เข็มแม่น้ำ กะทุงเหวเมือง
ชื่อสามัญ Round - tail garfish , Freshwater garfish
ชื่อวิทยาศาสตร์ Xenentodon cancila (Buchanan)
ถิ่นอาศัย -
ลักษณะทั่วไป ปลากะทุงเหวเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 10 - 25 เซนติเมตร จากการรายงานของ Smith (1945) ขนาดใหญ่ที่สุดที่พบความยาว 32 เซนติเมตร รูปร่างยาวเรียวทรงกระบอก ลำตัวกลมรูปไข่ จะงอยปากยื่นยาว ปากบนและล่างมีฟันแหลมคมซี่เล็ก ๆ เรียงเป็นแถว ครีบอกใหญ่ ครีบท้องเล็ก ครีบหลังและครีบก้นอยู่ใกล้ครีบหางซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกันเกือบจะเป็นเส้นตรง มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ประมาณส่วนที่ 4 ของความยาวลำตัวจากส่วนหัวไปยังส่วนหาง ครีบหางตัดตรงเว้าเล็กน้อยและเห็นได้ชัดเนื่องจากมีลักษณะเป็นสันแข็ง ตรงส่วนท้ายมีเกล็ดแบบโค้งมนปลายแหลม (ctenoid) เรียงซ้อนทับกันเป็นระเบียบ คล้ายการปูกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ในตัวผู้มีส่วนหลังยกสูงที่บริเวณต่อจากท้ายทอยและเป็นสันมีสีแดง ตัวมีสีเหลืองอ่อนหรือขุ่น ด้านบนมีสีเขียวอ่อน ด้านข้างลำตัวมีสีเงินและมีแถบสีคล้ำพาดขวางตามแนวยาวถึงโคนหาง ครีบใส จะงอยปากตอนปลายมีสีแดงเป็นแต้ม ด้านท้องสีขาว
การสืบพันธุ์ โดยการนำแม่พันธุ์ปลากะทุงเหวมาปล่อยในบ่อซีเมนต์ ปล่อยให้ผสมพันธุ์ มีวัสดุวางไข่ลักษณะไข่จะเป็นไข่จม สีเหลืองเข้ม ที่ผิวเปลือกไข่มีเส้นใยเล็ก ๆ จำนวนมาก หรือผสมพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ (Controled natural method)
อาหารธรรมชาติ อาหารของปลากะทุงเหวในธรรมชาติ จะหากินด้วยการจับปลาขนาดเล็กหรือลูกปลาซึ่งมักจะว่ายเข้ามาเลี้ยงตัวในบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือที่มีน้ำค่อนข้างตื้น สำหรับในเขตน้ำจืดมักจะกินพวกลูกกุ้งหรือแมลงบางชนิด
การแพร่กระจาย เป็นปลาที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและเขตร้อนในเกือบทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่มีน้ำไหลสม่ำเสมอ ในทวีปเอเชียพบในประเทศไทย อินเดีย พม่า กัมพูชา มาเลเซีย เกาะสุมาตรา บอร์เนียว และสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังพบในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิอบอุ่นเกือบตลอดปีของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับประเทศไทยจะพบได้ทั่ว ๆ ไปในแถบปากน้ำสมุทรปราการ แม่น้ำแม่กลอง ท่าจีน ท่าฉลอม รวมถึงแหล่งน้ำต่าง ๆ ในภาคตะวันออก ได้แก่ แม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งในเขตภาคใต้ เช่น ในทะเลสาบสงขลา แม่น้ำตาปี จังหวัด สุราษฎร์ธานี สำหรับในแหล่งน้ำจืดพบได้ทั่วไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสาขาตั้งแต่ภาคเหนือจนมาถึงภาคกลางในหลาย ๆ จังหวัด
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นปลาเศรษฐกิจ
ชื่อไทย กระมัง มัง วี เลียม เหลี่ยม แพะ สะกาง
ชื่อสามัญ SMITH'S BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์ Puntioplites proctozysron
ถิ่นอาศัย พบอาศัยในแม่น้ำและหนองบึงขนาดใหญ่ทุกภาคตั้งแต่แม่น้ำแม่กลองจนถึงแม่น้ำโขง แต่ละภาคจะเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามภาษาท้องถิ่น ภาคกลางเรียกว่า ปลากะมัง ที่ปากน้ำโพมักเรียกปลาเลียม หรือปลาเหลี่ยม ที่หนองคายและนครพนม เรียก สะกาง ที่เชียงรายเรียก ปลาวี และภาคใต้ที่บ้านดอนเรียก ปลาแพะ
ลักษณะทั่วไป มีรูปร่างลักษณะคล้ายปลาตะเพียน ลำตัวเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ด้านหลังยกสูง ส่วนหัวโต ลำตัวแบนข้าง ตาโตและอยู่ค่อนไปทางด้านบน ปากอยู่ค่อนไปด้านล่างของจะงอยปากซึ่งค่อนข้างทู่ ไม่มีหนวด ครีบหลังยกสูง ที่ก้านครีบอันแรกเป็นก้านครีบแข็งที่มีหยักที่ขอบ ครีบก้นค่อนข้างยาวที่ก้านครีบอันแรกมีหยักที่ขอบด้านท้ายเช่นกันกับของครีบหลัง ครีบหางเว้าแฉกลึก ตัวมีสีเงินวาว ครีบมีสีเหลืองอ่อนที่ขอบมีสีคล้ำ
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินพืชพรรณไม้น้ำ อินทรียสารที่เน่าเปื่อย
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
ชื่อไทย กะสูบขีด
ชื่อสามัญ TRANSVERSE - BAR BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hampala macrolepidota
ถิ่นอาศัย พบในแม่น้ำลำคลองทั่วไป ภาคใต้พบที่แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำตาปีและในทะเลสาบสงขลา ภาคกลางพบที่แม่น้ำเจ้าพระยาเรื่อยไปจนถึงบึงบอระเพ็ด แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง ภาคเหนือพบที่แม่น้ำแม่ปิง แม่น้ำจีน และภาคอีสานพบที่แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำศรีสงคราม และในเขตจังหวัดชลบุรี จันทบุรี และตราด
ลักษณะทั่วไป เป็นปลาที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาตะเพียน ตัวค่อนข้างยาว แบนข้างเล็กน้อย ส่วนหัวยาว ท้องกลมมน จะงอยปากแหลม ปากกว้างมากและเฉียงขึ้นเล็กน้อย มีหนวดที่มุมปากบนหนึ่งคู่ ครีบหลังค่อนข้างเล็ก อยู่ตรงข้ามกับครีบท้อง เกล็ดใหญ่ ครีบหางเป็นแฉกลึก สีของปลาชนิดนี้เป็นที่สะดุดตาแตกต่างกับปลาชนิดอื่นอย่างเด่นชัด เมื่อเจริญวัยเต็มที่ลำตัวจะเป็นสีขาวเงิน ด้านหลังสีคล้ำอมน้ำตาล ด้านท้องสีจาง มีลายดำพาดขวางกลางตัว จากส่วนหน้าของครีบหลังไปยังฐานของครีบท้อง ครีบมีสีคล้ำแดงเรื่อ ครีบหางที่ริมแฉกบนและล่างของหางเป็นสีดำ
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
ชื่อไทย กะสูบจุด
ชื่อสามัญ EYE - SPOT BARB
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hampala dispar
ถิ่นอาศัย พบในแม่น้ำลำคลอง หนองและบึง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น แม่น้ำมูลที่อุบลราชธานี หนองหานจังหวัดสกลนคร แม่น้ำศรีสงครามจังหวัดนครพนม และห้วยหลวงจังหวัดอุดรธานี
ลักษณะทั่วไป เป็นปลารวมฝูง อยู่ในสกุลเดียวกับปลากะสูบขีด รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกันมากแต่ขนาดเล็กกว่า ลักษณะที่แตกต่างไปจากกะสูบขีด คือ ครีบหางเล็กและสั้น แฉกบนของครีบหางใหญ่กว่าแฉกล่าง หนวดที่ริมปากบนสั้นมาก ลักษณะที่เด่นอยู่ตรงที่มีจุดดำขนาดใหญ่อยู่กลางลำตัวข้างละจุด หางมีสีแดงเหมือนกะสูบขีด แต่ริมแฉกบนและล่างไม่มีแถบสีคล้ำ
การสืบพันธุ์ -
อาหารธรรมชาติ กินลูกกุ้ง ลูกปลาซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
การแพร่กระจาย -
สถานภาพ (ความสำคัญ) เป็นอาหารได้ทั้งสดและแปรรูปทำเป็นปลาร้า ปลาเจ่า
แหล่งอ้างอิง:http://www.doae.go.th/pramong/html/fishsub47/fishlist.asp
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น